วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

ถ้าหาก...ฉันเป็น "มะเร็ง"




     "ผม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นกับผม ทั้งๆที่ผมก็ดูแลตัวเองดีมาก อาหารการกิน ผมไม่เคยละเลยแม้สักนิด ออกกำลังกาย วิ่งทุกเย็น ผมไม่เชื่อ...ว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม ไม่มีทางที่ผมจะเป็นมะเร็ง"

     คำพูดประโยคนี้ยังลอยวนอยู่ในโสตประสาททุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ไม่คาดหวัง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สิ่งที่ไม่คาดหวังย่อมเกิดกับเราเสมอ อาจารย์ท่านนึงเคยกล่าวกับฉันไว้ว่า ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน ฉันเองก็คิดเช่นนั้น เมื่อมีเรื่องไม่สบอารมณ์เกิดขึ้นกับฉันเอง

     ว่าแต่ตัวเรา...หากนึกไปว่า วันหนึ่ง...เราเกิดโรคร้ายแรงชนิดที่ไม่สามารถรักษาได้อีกแล้ว เราจะทำอย่างไร เราจะรู้สึกอย่างไร เราจะหาทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร ในเมื่อเวลา...ไม่มีวันย้อนกลับเหมือนสายน้ำที่ไหลริน

     ใช่ว่าการดูแลตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบจะทำให้คุณมีชีวิตนิรันดร์ ใช่ว่าสิ่งที่คุณป้องกันเอาไว้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณ และหากว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เราจะมีชีวิตหลังจากนี้อย่างไร




      ชายคนนั้น เป็นผู้ชายที่มีหน้าที่การงานดี เขาสามารถรับผิดชอบครอบครัว ทำให้คนในครอบครัวภูมิใจ เขาทุ่มเทให้กับการงานและคนรอบข้างอย่างเต็มที่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องอาหาร เขาทานแต่อาหารดีๆ ออกกำลังกาย และมีงานอดิเรกหลากหลาย วันหนึ่งเมื่อเขาตรวจร่างกายและพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เขากับถึงเสียสติไปเลย เสียใจ และไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของแพทย์
เขาได้ไปปรึกษาอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีความลึกซึ้งเกี่ยวกับศาสตร์แห่งเซน เขาได้ถามท่านอาจารย์ท่านนั้นเกี่ยวกับโรคมะเร็งว่า เขาควรทำอย่างไร เพื่อให้โรคร้ายนั้นหายขาดไปจากตัวของเขา พยายามเอาชนะโรคมะเร็งทุกวิถีทาง เพิ่มการออกกำลังกาย งดเนื้อสัตว์ หายาบำรุงต่างๆ ทุกๆวันเขาได้คิดว่าทำอย่างไรถึงจะหาย เขาเครียด...และเป็นกังวลจนสุขภาพจิตเสีย พักหลังเขาทรุดโทรมลงไปมาก หน้าตาซีดเซียว ซูบลง เขากลับไปปรึกษาท่านอาจารย์หลายครั้ง แต่สิ่งที่ท่านอาจารย์ตอบคือ "ทำอะไรไม่ได้ ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้จริงๆ นอกจากการปล่อยวาง"

     การมีชีวิตที่เหลืออย่างไรสิ่งที่สำคัญกว่า การทำชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไรให้มีค่า ให้มีประโยชน์ ในเมื่อมันไม่มีโอกาสหาย เราก็ไม่จำเป็นต้องกัดสู้ จนทำกลายเป็นซ้ำเติมตนเอง กลายเป็นทำร้ายตัวเองให้หนักกว่าเดิม

     ทำชีวิตให้มีความสุข ปล่อยวางกับสิ่งต่างๆ ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่ามันหนัก เราจะยังคงแบกรับมันไว้ทำไม ใช้ชีวิตอย่างมีสติ คิด และทำความดี เมื่อถึงเวลาที่เราต้องจากไป เราจะไม่เสียใจกับเวลาที่หลงเหลืออยู่อย่างมีค่า

      แล้วถ้าหากวันหนึ่ง ที่ฉันรู้ว่า ตัวของฉันเอง...เป็นมะเร็ง ฉันจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไร เราเชื่อ...ว่าคุณเลือกได้ ว่าจะให้สิ่งไหน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ DEWellness a part of you.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น